เคยสงสัยหรือไม่.. ในอดีต กว่า 100 ปีที่แล้วสาวสมัยเก่า เขาใช้สิ่งใดถอนขนรักแร้
ไม่ว่าจะชายหรือหญิงก็ล้วนแต่มีขนเช่นเดียวกัน สำหรับบุรุษเพศนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องมีขนมากกว่าสตรี สืบเนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายที่จะเป็นตัวสนับสนุนในการกำหนดลักษณะทางสรีระเพื่อระบุเพศ เช่น ขนหน้าแข้งที่มากกว่า ขนแขนที่มากกว่า ขนบริเวณข้อนิ้วหรือแม้กระทั่งขนหนวดเคราที่มากกว่า ซึ่งธรรมชาติได้รังสรรค์แล้วว่าแต่ละเพศก็จะมีขนที่เหมาะสม แต่ยังมีขนอีกหนึ่งประเภทที่ชายและหญิงมีเหมือนกัน แต่ความต้องการที่จะมีนั้นแตกต่างกัน นั่นก็คือ “ขนรักแร้”
โดยเฉพาะในอดีตนั้น ไม่ว่าจะในวังหรือหรือบ้านของบรรดาหน่อเนื้อเชื้อนิกูล ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าสตรี อย่างที่ทราบกันดีว่าเครื่องแต่งกายสมัยก่อนนั้นมิได้เป็นทรงเสื้อที่มิดชิดอย่างปัจจุบัน จะมีก็เพียงสะไบห่มบ้าง เกาะอกบ้าง ดังนั้นเรื่องของขนรักแร้จึงเป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเพราะหากไม่ดูแลให้ดีแล้ว ช่วงใดเกิดไม่มีเวลาดูแลตัวเองเผลอยกแขนยกขาแล้วพลาดพลั้งต้องตาชายอื่นเข้าก็คงจะเป็นที่อับอาย ถูกแซวจนโด่งดังไปทั่วคุ้งน้ำมิรู้จบ ดังกลอนบทหนึ่ง(บทกลอนไม่เกี่ยวอะไรกับขุนช้างขุนแผนนะครับ แอดมินแต่งเอง)
อนิจจาเราสองเจ้ากับพี่.....จะมีใครมาเห็นเจ้าเล่าพิมเอ๋ย
อาบทั้งตัวอาบทั้งผ้าไม่เย็นเลย.....อยากจะเผยสะไบนางออกจากทรวง
ถ้าเปิดไปขนรักแร้คงฟูฟ่อง.....หยิกพองหยองดูแล้วจะไม่สวย
ขอพี่ดูจับเล่นเป็นละทวย.....อยากจะช่วยดึงถอนให้...หมดงอนงาม
ดังนั้นสาวชาววังก็จะมีวิธีกำจัดขนรักแร้ และขนที่มิพึงประสงค์ออกไป อย่างที่เราคาดไม่ถึงว่าคนในอดีตหลาย100ปีที่ผ่านมาจะมีการถอนขนเช่นเดียวกับคนในปัจจุบัน นั่นก็คือมีการใช้แหนบดึงถอน ดังปรากฏหลักฐานอยู่ในบทนิราศ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร แห่งราชวงศ์บ้านพูหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา ว่า
ไรน้อยรอยแหนบทึ้ง.....ถอนแถว
เป็นระเบียบตามแนว.....รอบเกล้า
ริมเผ้าเพราพริ้งแวว.....แลเลิศ
ผมมวยรวยปีกเจ้า.....เรียบร้อยไรงาม๛
จากภาพ คือ หญิงสาวชาววังหรือบรรดาสตรีมั่งมีในอดีต
เครดิต : คลังประวัติศาสตร์ไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น