เป็นหนึ่งในไอดอลของใครหลายๆคนรวมทั้งอัยยะข่าวด้วย กับนักแสดงมากฝีมือดีกรีคุณหมอ "หมอก้อง สรวิชญ์" ที่รับงานแสดงให้แฟนๆได้ติดตามผลงานกันเรื่อยๆ
นอกจากมีอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพเสริม หมอก้องยังรับราชการแพทย์ทหาร ออกแพทย์อาสาอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าลำบากขนาดไหนก็ไม่หวั่น กินง่ายอยู่ง่าย นอนบนพื้นบนดินก็ทำได้
อย่างภาพล่าสุดที่เจ้าตัวอัพเดททางอินสตาแกรมส่วนตัว ก็เผยให้เห็นแล้วว่าพระเอกคนนี้ทุ่มเทและติดดินขนาดไหน
อย่างงี้เรียกตายในหน้าที่ป่าวครับ ?
ขอบคุณภาพจากIG kong_sarawit
ค ว า ม ใ น ใ จ ข อ ง ห ม อ ก้ อ ง
".....ชีวิตการเป็นหมอของผมมาเปลี่ยนมากๆ ตอนที่ผมเป็นแพทย์ประจำอยู่ที่ค่ายทหารพัฒนา ในตอนนั้นจะต้องคอยออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปยังจัดหวัดต่างๆ ทุกเดือน ก็มีทั้งที่ที่ลำบากและไม่ลำบาก แต่การไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ที่จังหวัดเพชรบุรี ไปครั้งนั้นทำให้ผมมีแรงบันดาลใจที่จะเป็นหมอค่ายทหารพัฒนาต่อไป
จากที่ตอนแรกต้องยอมรับก่อนว่าผมยังไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ประทับใจด้วยซ้ำ วันนั้นพอผมขับรถไปถึงหน่วยทหารที่เพชรบุรีเราก็เข้าใจว่าถึงที่ทำงานเลย แต่ปรากฏว่าคนในหน่วยบอกกับผมว่าต้องไปรักษาคนอีกที่นึง เขาก็บอกจอดรถไว้ที่นี่แหละ ให้ไปกับรถที่เตรียมไว้ให้ ผมก็เริ่มแปลกๆ ละ แล้ววันนั้นจัดของไปเต็มที่มาก ทั้งโน้ตบุ๊ค ทั้งกระเป๋า ก็โอเคขึ้นรถไปกับเจ้าหน้าที่แบบงงๆ และยังมีคำถามในหัวตลอดเวลา สรุปว่าต้องนั่งรถจากตรงนั้นไปอีกเกือบ 4 ชั่วโมง ซึ่งถนนคดเคี้ยวมาก หลังๆ เริ่มเป็นทางลูกรัง พอถึงปุ๊บผมก็นึกว่าจะได้ทำงานแล้วซะที แต่ไม่ใช่ครับ ต้องเดินเท้าต่อเพราะรถขึ้นไปไม่ได้ เท่านั้นแหละอารมณ์มาเต็มเลยทีนี้ เพราะผมหอบสมบัติบ้ามาเยอะมาก ก็ต้องแบกเดินข้ามภูเขากว่า 1 ชั่วโมง ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย ถนนก็เป็นดินโคลน ผมก็บ่นตลอดทางเพราะเราไม่ได้เตรียมใจมาสมบุกสมบันขนาดนี้ด้วยไงครับ พอต้องมาเจอแบบนี้ก็หงุดหงิด และเหวี่ยงไปหมดครับ
สักพักก็เลยมีเจ้าหน้าที่เดินมาถามผมว่าหมอเหนื่อยเหรอ ผมก็รู้สึกในใจ ณ ตอนนั้นว่าเขาถามทำไม กวนรึเปล่า เพราะก็รู้อยู่แล้วว่ามันลำบาก แล้วยังจะมาถาม แล้วเขาก็บอกว่า หมอคิดดูว่า 20 ปีที่แล้วเป็นยังไง นี่คือพัฒนาหมดแล้วนะ หมอรู้มั้ยเคยมีคนนึงเดินมาด้วยกันกับผม แต่ว่าคนคนนั้นเดินนำ ทั้งๆที่ไม่ใช่คนในกลุ่ม แล้วก็เป็นคนเมือง ผมก็สงสัยว่าใคร เขาก็บอกว่าคนคนนั้นคือ
ใ น ห ล ว ง พอพูดแค่นั้นแหละมันเหมือนโดนต่อยหนักๆ ในใจคิดว่าจริงเหรอ ยังแอบคิดว่าท่านมามันลำบากมากขนาดนี้จริงๆ
เหรอ จริงๆ เราซึมซับและรับรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนแหละว่าพระองค์ท่านทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง แต่ผมไม่คิดว่าท่านจะมาในที่ลำบากขนาดนี้ เพราะนี่คือเรามาเห็นเองกับตา คือมันชัดเจนกว่าที่เราเรียนหรือรู้มาสิ้นเชิง เราได้รู้ตอนนั้นเลยว่าท่านเหนื่อยและอดทนแค่ไหนกว่าจะไปช่วยพสกนิกรได้ ไม่ใช่ไปอย่างสบายเลย แต่พระองค์ทรงทำแบบนี้มาเป็นเวลาไม่รู้กี่ปีๆ แล้ว
พอวันรุ่งขึ้นเราก็ตื่นมาตรวจชาวเขา คือที่ลุยกันมานี่คือเพื่อมาตรวจรักษาชาวเขาโดยเฉพาะเลยครับ เสร็จมีเรื่องที่ทำให้ผมช็อกอีกครั้ง เมื่อ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ ท พ ฯ เสด็จมาที่นี่ครับ และมาทางเดียวกันเลย ท่านนั่งเฮลิคอปเตอร์มาแต่ก็ต้องเดินเท้ามาเหมือนเราเลย แล้วมาทางเดียวกันเลย ผมรู้สึกเลยว่า ตั ว เ อ ง เ ล็ ก
ม า ก ไม่ได้เศษเสี้ยวธุลีดินของพระองค์ท่าน เราก็ยังบ่นอยู่เลยแล้วทำไมพระองค์ท่านถึงทำ สุดท้ายผมก็ได้คำตอบว่าที่ท่านทำทั้งหมดเนี่ยเพราะว่าท่านรักเรา(ร้องไห้) ท่านรักลูกๆ ของท่านทุกคน รักประชาชนทุกคนแล้วก็ไม่ใช่เฉพาะคนไทยแต่เป็นทุกคนที่อยู้บนแผ่นดินไทย
จากวันนั้นมันเป็นจุดเปลี่ยนของผมเลยครับ กล้าพูดเลยว่าทำงานมาผมไม่เคยภูมิใจกับการเป็นราชการจนได้มารู้ว่าเป็นข้าของพระองค์ท่าน เป็นข้าของประชาชน ตัวท่านเองยังยกให้ประชาชนมาก่อน เพราะฉะนั้นมันยิ่งใหญ่ในการทำงานราชการ ผมรู้สึกว่าผมโชคดีที่ได้เป็นข้าราชการเพราะเป็นข้ารองฝ่าพระบาทในราชการปัจจุบัน ผมว่ามันไม่น่าจะยากที่เราจะแสดงความจงรักภักดี แสดงความรัก แสดงความกตัญญูตอบแทนพ่อบ้าง เรามีแผ่นดินอยู่สุขสบายทุกวันนี้เพราะบรรพบุรุษเสียเลือดเสียเนื้อแลกมา ฉะนั้นเราไม่ควรลืมว่าเรามีแผ่นดินนี้เพราะใคร....."
พันตรีนายแพทย์ สรวิชญ์ สุบุญ (หมอก้อง) เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2526 ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จังหวัดลพบุรี ก่อนจะเข้ามาศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพมหานคร โดยสำเร็จการศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 และจบการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ได้คะแนนเฉลี่ยสะสม 3.51 เกียรตินิยมอันดับ 1 หลังจากสำเร็จการศึกษาได้เป็นแพทย์ใช้ทุนอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี เป็นระยะเวลา 1 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น